google-playpic=1

วิธีขอเงินคืนจาก Google Playในกรณีแอพไม่สามารถใช้งานได้ ด้วยวิธีดังนี้


google-playpic

            เชื่อว่าหลายคนที่มีสมาร์ทโฟนเป็นของตัวเอง ย่อมจะต้องรู้จัก Google Play กันเป็นอย่างดี เพราะไม่ว่าเราจะต้องการใช้บริการแอพพลิเคชั่นตัวไหน ก็ต้องมาเลือกดูในนี้นี่เอง ซึ่งจริงๆ แล้วก็มีทั้งแอพพลิเคชั่นที่เปิดให้ใช้บริการกันได้ฟรีๆ และแอพพลิเคชั่นที่ต้องจ่ายเงินก่อนถึงดาวน์โหลดเพื่อไปใช้งานได้ ทีนี้มันก็มีปัญหาตรงที่ว่า บางแอพที่เราเสียเงินซื้อไปแล้วมันเกิดใช้งานไม่ได้ขึ้นมา จะด้วยเหตุผลของความไม่สมบูรณ์ในตัวแอพ เรื่องของบักหรืออะไรก็แล้วแต่ หลายคนก็ไม่รู้ว่ากรณีนี้เราสามารถขอเงินคืนจาก Google Play ได้ด้วย

การขอเงินคืนโดยขอความช่วยเหลือจากนักพัฒนาแอพ

            นี่อาจจะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดก็ได้ นักพัฒนาแอพก็คือคนที่สร้างแอพขึ้นมาให้เราได้ใช้งานกัน เมื่อมีปัญหาติดขัดอะไรก็ควรจะติดต่อกับคนสร้าง ซึ่งจะให้คำตอบได้รวดเร็วกว่าและถูกต้องมากกว่า ไม่ว่าเราจะต้องการขอคำแนะนำให้สามารถใช้งานแอพได้ตามปกติ หรือต้องการขอเงินคืน เราสามารถแจ้งกับนักพัฒนาแอพได้ทั้งสิ้น โดยเฉพาะกรณีที่ซื้อแอพไปนานกว่า 48 ชั่วโมงแล้ว ซึ่งมันเลยข้อกำหนดการขอเงินคืนกับทาง Google Play ก็ให้ลองมาสอบถามกับทางนักพัฒนาแอพได้

การขอเงินคืนโดยขอผ่านเว็บไซต์ Google Play

อย่างแรกที่ต้องรู้ก็คือ การจะขอเงินคืนผ่านหน้าเว็บไซต์ได้ ต้องซื้อสินค้าไปไม่เกินระยะเวลาที่กำหนด หากเป็นแอพพลิเคชั่นจะกำหนดไว้ที่ไม่เกิน 48 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็นเพลงหรือไฟล์ประเภทอื่นก็จะมีรายละเอียดที่มากกว่านี้ บางชิ้นสามารถขอเงินคืนหลังจากผ่านไปแล้ว 48 ชั่วโมงได้

  • โดยให้เข้าไปที่ google.com/store/account และต้องเข้าผ่านคอมพิวเตอร์ หากเข้าผ่านสมาร์ทโฟนมันอาจจะไม่แสดงผลหรือแสดงผลไม่ครบถ้วน
  • เมื่อเข้าหน้าเว็บได้แล้วก็ให้ไปดูที่ “ประวัติคำสั่งซื้อ” จะมีข้อมูลที่เราได้ซื้อสินค้าผ่าน Google Play ไปทั้งหมด มีการระบุวันที่ เวลา ประเภทสินค้าเอาไว้ชัดเจน
  • มองหารายการที่ต้องการขอเงินคืน แล้วให้สังเกตที่ด้านขวามือจะมีจุดไข่ปลา 3 จุดเรียงกันอยู่
  • กดตรงนั้นแล้วเลือก “ขอเงินคืน” กรอกข้อมูลทั้งหมดให้ครบถ้วน

เพียงแค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อย เหลือแค่รอการตอบรับจาก Google Play ก็พอ ซึ่งเร็วสุดจะอยู่ที่ประมาณ 15 นาทีเท่านั้น แต่สามารถลากระยะเวลาไปได้นานถึง 4 วัน หากนานกว่านั้น ให้เรารีบทำเรื่องติดต่อกับเจ้าหน้าที่โดยตรงเพื่อตรวจสอบว่าขั้นตอนไปถึงไหนแล้วกันแน่

การขอเงินคืนโดยขอผ่าน Google Assistant

การขอเงินคืนผ่านช่องทางนี้ก็มีเงื่อนไขด้วยเหมือนกัน คืออุปกรณ์ต้องใช้ภาษาอังกฤษเท่านั้น และจะมีรายการให้เราได้เลือกหลายหัวข้อ เช่น ยกเลิกการสั่งซื้อแอพ ขอเงินคืน เป็นต้น ซึ่งเมื่อกดเข้าไปมันจะเป็นเสมือนคู่มือให้คำแนะนำอย่างละเอียดว่าเราต้องทำตามขั้นตอนใดบ้าง การติดต่อกับ Google Assistant นี้ ถือว่าค่อนข้างยุ่งยากทีเดียว อย่างแรกคือมีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขอยู่ตลอดเวลา อย่างต่อมาก็คือส่วนใหญ่แล้วคนไม่ค่อยขอเงินคืนผ่านทางนี้กันก็เลยทำให้ระบบยังไม่จำเป็นต้องพัฒนาอะไรมารองรับคนกลุ่มนี้ และในบางครั้งระบบก็จะแจ้งว่าไม่สามารถทำรายการผ่านช่องทางนี้ได้ พร้อมกับแนะนำให้เราไปยื่นเรื่องผ่านช่องทางอื่นๆ ต่อไปอีก

ก็จะเห็นว่าเราสามารถขอเงินคืนได้หลายช่องทาง ในเมื่อซื้อสินค้าแล้วใช้ไม่ได้ ก็เป็นสิทธิของเราที่จะร้องขอให้ทาง Google Play คืนเงินมาให้ได้ แค่รีบทำในช่วงเวลาที่ยังทำได้ก็พอ ไม่อย่างนั้นมันจะยุ่งยากและเสียเวลามาก

 

 

 

tinderpic

แนะนำแอพหาคู่ เหมาะกับทอมดี้หรือคนโสดมีไว้ไม่เหงาแน่นอน


badoopic

“ความรักหายาก กว่าจะเจอใครสักคนอาจต้องผ่านไปแล้วกว่าครึ่งชีวิต” แนวคิดนี้น่าจะใช้ไม่ได้เสียแล้วกับโลกยุคดิจิตอล เพราะถ้าเราต้องการเจอใครสักคนก็เพียงแค่ใช้บริการแอพหาคู่ ลองเลื่อนปลายนิ้วไปไม่เท่าไรก็อาจจะเจอคนที่ถูกใจได้แล้ว หลังจากนั้นก็แค่เปิดใจลองทำความรู้จัก มีกิจกรรมร่วมกันบ้าง ให้เวลากันสักหน่อย จนกว่าจะรู้ว่าควรสานสัมพันธ์ต่อไปในรูปแบบไหนกันแน่ ใครที่ยังโสดและแอบเหงา วันนี้เราเอาใจด้วยการแนะนำแอพหาคู่เด็ดๆ ลองโหลดมาเล่นกันดู เผื่อจะได้คู่ไปวาเลนไทน์ปีนี้กัน

  1. Badoo

ชื่อนี้หลายคนอาจจะไม่คุ้นเท่าไร แต่ต้องบอกเลยว่าเป็นแอพที่ได้รับความนิยมสูงมาก มีข้อแม้อย่างเดียวควรใช้ภาษาอังกฤษได้พอเข้าใจในระดับหนึ่ง วิธีการเล่นก็คือ หน้าแอพจะมีส่วนที่ให้เรากรอกข้อมูลของตัวเราเข้าไป ทั้งความชอบและไม่ชอบ ที่เด็ดสุดคือเราสามารถเติมเงินเข้าไปในระบบเพื่อสร้างตัวเองให้เป็นดาวเด่นได้ ข้อดีของการเป็นดาวเด่นก็คือคนอื่นจะค้นหาเราได้ง่ายกว่าคนทั่วไป

  1. Tinder

            ชั่วโมงนี้จะมีใครไม่รู้จักแอพ Tinder กันบ้าง จุดแข็งของแอพนี้ก็คือใช้งานง่ายมาก และมีข้อมูลของผู้คนค่อนข้างเยอะ เวลาที่เราเล่นก็จะได้เจอกับคนที่เข้ากันได้ง่าย เพราะมันมีข้อมูลเชิงสถิติบันทึกเอาไว้ว่าความสนใจของแต่ละคนคืออะไร แล้วก็ใช้ตรงนี้นี่เองมาวัดว่าคนทั้งคู่ควรจะได้สนทนากันหรือไม่

  1. Available

            ความหมายของชื่อแอพน่าสนใจดีทีเดียว “ฉันยังว่างอยู่” ดูเป็นการเรียกแขกที่ตรงประเด็นเอามากๆ แอพนี้ใช้งานง่ายมาก สำหรับคนที่เล่นสื่อโซเชียลมีเดียอยู่แล้ว ก็จะคุ้นชินกับหน้าตาของแอพโดยธรรมชาติ แทบจะไม่ได้ศึกษาอะไรเพิ่มเติม และส่วนที่โดดเด่นมากๆ ก็คือรูปภาพประกอบขนาดใหญ่ ชนิดที่ว่าเราจะได้เห็นคู่สนทนาของเราอย่างเต็มตากันไปเลย

  1. Grindr

            แอพนี้ค่อนข้างเฉพาะเจาะจง เพราะออกแบบมาให้กับชาวสีม่วงโดยเฉพาะ ลูกเล่นเยอะมาก ส่งข้อมูลหาคู่สนทนาได้เกือบทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ วิดีโอ เพลง สติ๊กเกอร์ เป็นต้น ธีมของแอพค่อนข้างเปิดเผย เราจะได้เห็นข้อมูลทั้งหมดของคู่สนทนา ทั้งในแง่ของไลฟ์สไตล์ แนวความคิดเบื้องต้น สไตล์การแต่งตัว ไปจนถึงช่องทางการติดต่อที่สะดวก จึงง่ายต่อการตัดสินใจสานความสัมพันธ์

  1. Bristlr

            เป็นแอพหาคู่ที่สร้างเอกลักษณ์ได้อย่างน่าสนใจ จุดขายของแอพก็คือรวบรวมเอาหนุ่มที่มีเคราหรือหนวดอันงดงามมาไว้ด้วยกัน ประมาณว่าใครมีหนวดเคราสวยมีเสน่ห์ก็เชิญมาลงประวัติในแอพนี้ได้ตามอัธยาศัย ทีนี้คนที่จะเข้ามาก็ต้องเป็นคนที่ชอบผู้ชายไว้หนวดนั่นเอง

  1. LesPark

            สำหรับชาวเลสเบี้ยนเชิญมารวมตัวกันตรงนี้ แค่เปิดมาก็จะเห็นเลยว่าเป็นแอพพลิเคชั่นที่มีงานออกแบบเก๋มากๆ วิธีการใช้งานแทบไม่ต้องอธิบาย เพราะหน้าตาแอพมันคล้ายกับสื่อโซเชียลทั่วไปที่พวกเราคุ้นเคยกัน ที่สำคัญ ถึงแม้จะเป็นกลุ่มของชาวเลสเบี้ยน แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้นผู้หญิงไม่ให้เข้ามาเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ แต่อย่างใด

  1. BeeTalk

            แอพสุดแสนน่ารักที่รวบรวมเอากลุ่มวัยรุ่นให้มาอยู่ด้วยกัน มันเริ่มต้นมาจากวงการเกมส์ออนไลน์ที่คนเล่นเกมส์จะมาหาเพื่อน แล้วจึงต่อยอดมาเป็นแอพสำหรับพูดคุย โดยจะค้นหาผู้คนที่อยู่ในระแวกใกล้เคียงเป็นหลัก แค่เขย่าๆ โทรศัพท์ก็เจอคนที่ต้องการกันแล้ว และที่เด็ดมากๆ เลยก็คือ เราสามารถตั้งค่าให้ข้อความที่พูดคุยกับเพื่อนๆ นั้นหายไปจากประวัติตามเวลาที่กำหนดได้ด้วย

           

           

 

google translate โปรแกรมอำนวยความสะดวกในด้านภาษา


new-google-translate

ด้วยความที่ภาษาต่างประเทศมีความจำเป็นอย่างมากในการทำงาน การเรียน หรือการใช้ชีวิตต่างๆ จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโปรแกรมอำนวยความสะดวกอย่าง “Google Translate” กลายเป็นโปรแกรมยอดฮิตที่มีผู้เลือกใช้งาน ก็เพราะว่าเป็นโปรแกรมช่วยแปลภาษาจนเราเกิดความเข้าใจในภาษาต่างประเทศนั้นๆ มากขึ้น และเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับ Google Translate วันนี้เราจึงมีเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่ผู้ใช้งานควรรู้มาฝาก

 เรามารู้จักกับ Google Translate กันเถอะ

Google Translate คือ โปรแกรมแปลภาษากว่า 104 ภาษา (ค้นหาล่าสุดปี 2019) ที่เพียงแค่เราใส่คำว่า “แปลภาษา” ลงในช่องค้นหาของ Google โปรแกรมก็จะแสดงขึ้นมาทันที โดยจะแบ่งเป็น 2 ช่อง ได้แก่ ช่องคำแปลของภาษาที่อยู่ฝั่งขวามือ และช่องใส่ข้อความ หรือคำศัพท์ที่อยากรู้ที่อยู่ฝั่งซ้ายมือเมื่อเราใส่คัพท์ หรือข้อความในช่องฝั่งซ้ายคำแปลก็จะขึ้นมาให้ทันที ซึ่งหากเป็นคำศัพท์ก็จะมีคำแปลให้เลือกตามบริบทที่ต้องการใช้ เช่น เราต้องการหาความหมายภาษาอังกฤษคำว่า Good เราก็พิมพ์คำศัพท์ในช่องซ้าย โปรแกรมก็จะขึ้นความหมายที่แปลว่าดีมาให้ในฝั่งขวา โดยที่ช่องใต้คำแปลก็ยังมีความหมายคำศัพท์ในรูปของ Adjective มาอีกมากมาย และนอกจากความหมายว่าดีแล้วก็ยังแปลว่าเก่งเหมาะสมได้อีกด้วย

โดยการแปลภาษาของ Google Translate นอกจากคำศัพท์ยังสามารถแปลข้อความกับประโยคยาวๆ ได้ แต่ทั้งนี้คำแปลที่ได้อาจจะผิดเพี้ยน ตรงตัวเกินไป ไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร ซึ่งก็ต้องทำความเข้าใจเองอีกครั้งด้วย

แล้วการทำงานของ Google Translate ล่ะ?

เนื่องด้วย Google Translate เป็นการประมวลผลจากคอมพิวเตอร์หลายเครื่องที่ทาง Google ใช้งาน จึงเรียกว่าเป็นการทำงานด้วย “ระบบการแปลภาษาเชิงสถิติ” หรือ “statistical machine translation” อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ Google Translate ถูกสร้างขึ้นด้วยการอ้างอิงกฎ นิยามศัพท์ ใช้สถิติ กลุ่มคำ โดยใส่ไวยากรณ์ของภาษานั้น เข้าไปทำให้เวลาเราใส่ข้อความ ประโยคยาวๆ จึงได้คำแปลที่ออกจะงุนงง ผิดเพี้ยน ไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร (ถึงแม้จะพัฒนาโดยใส่การแปลแบบมนุษย์ลงไปแล้วก็ตาม)

อย่างนี้เราสามารถเชื่อถือการแปลได้มากน้อยแค่ไหน

จริงอยู่ที่ Google Translate จะมีการพัฒนาการแปลอยู่เสมอ แต่ด้วยการแปลกว่า 104 ภาษาจึงทำให้โปรแกรมยังเกิดความคลุมเครือในเรื่องของไวยากรณ์อยู่บ้าง จะให้ทั้ง 104 ภาษาถูกหมด สมบูรณ์ ชัดเจนคงเป็นไปได้ยาก แต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่สามารถเชื่อถือได้เลย เพียงแต่ต้องค่อยๆ แปลคำศัพท์ ทำความเข้าใจรูปแบบประโยคแล้วทำการย่อให้เข้าใจมากขึ้นก่อนจึงค่อยนำมาแปลในโปรแกรมก็จะทำให้ความหมายออกมาตรงตัวมากขึ้น ซึ่งปัญหาของ Google Translate มีที่เวลาเราแปลข้อความ หรือประโยคยาวๆ จะยังให้ความหมายผิดเพี้ยน ตรงตัวเกินไป ไม่สมบูรณ์เท่าที่ควรจนในบางครั้งอาจทำให้เรางุนงงเลยก็มี แต่คำศัพท์ยังคงให้ความหมายที่ถูกต้อง เชื่อถือได้อยู่

ช่วยบอกประโยชน์ของ Google Translate ชัดๆ อีกครั้ง

แม้ว่า Google Translate จะมีข้อเสียเรื่องการแปลข้อความ หรือประโยคยาวๆ ที่เรายังคงต้องทำความเข้าใจเองอีกครั้งก็ตาม แต่ก็ถือว่าเป็นโปรแกรมมีประโยชน์กับเรา แน่นอนว่าช่วยให้เราเข้าใจภาษานั้นมากขึ้น ไม่เป็นอุปสรรคด้านภาษาใดๆ ทำให้เรียนรู้ภาษาอื่นๆ ได้ด้วย รวมถึงเวลาเดินทางไปต่างประเทศแล้วไม่คุ้นเคยกับภาษาที่อยู่ตามป้าย ตามเมนู ฯลฯ เราก็สามารถแปลคำออกมาให้ได้ทันที โดยนำมือถือที่เปิดโปรแกรม Google Translate ไปจ่อตรงภาษานั้นนั่นเอง

สำหรับ Google Translate เรียกได้ว่าโปรแกรมอำนวยความสะดวกในด้านภาษาอย่างล้นเหลือ ที่ถึงแม้จะยังไม่เต็มร้อยในเรื่องการแปลข้อความประโยคยาวๆ ก็ตาม แต่นั่นก็ยังดีกว่าไม่ช่วยอะไรเลยไม่ใช่เหรอ ดังนั้น หากวันไหนเราเกิดจำหรือนึกคำแปลของภาษาไม่ออก เรียกใช้งาน Google Translate ก็จัดว่าแจ่มอยู่นะ

facebookpicc

นักวิจัยแจ้ง google กับ facebook กำลังแอบมองคุณอยู่


googlepicc

โลกของเราทุกวันนี้ facebook ถือว่าเป็นแอพพลิเคชั่นที่มีความสำคัญมาก พวกเค้ามีฐานข้อมูลผู้ใช้มากมายหลายร้อยล้านคนทั่วโลก และจะเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆอีกในอนาคต สิ่งที่ทำให้คนติดใจและหันมาใช้ facebook ก็คือ มันเป็นบริการโลกโซเชียลมีเดียที่ไม่มีค่าใช้จ่าย (ฟรี) อย่างไรก็ตาม ตอนนี้นักวิจัยแจ้งว่า facebook กำลังแอบดูเราอยู่

เหตุการณ์บังเอิญที่ดูไม่น่าบังเอิญ

เราเคยเป็นหรือไม่ว่า เวลาที่เราคุยอะไรกับเพื่อนทางช่องแชทของ facebook พอคุยเสร็จผ่านไปได้สัก 1 วันหรือน้อยกว่า จะมีโฆษณาเรื่องที่เราคุยกับเพื่อนโผล่ขึ้นมาบนหน้าฟีดของเราแบบบังเอิญ อย่างเช่น เราคุยกับเพื่อนว่ากำลังมองหารองเท้ากีฬาคู่ใหม่เอาไปใส่เล่นฟิตเนส เท่านั้นแหละโฆษณารองเท้ากีฬาจะโผล่ขึ้นมาให้เราเลือกแบบไม่น่าเชื่อ รวมถึงอาจจะมีโฆษณาโปรโมชั่นฟิตเนสใกล้บ้านของเรา หรือ ฟิตเนสชื่อดังอีกต่างหาก บางคนอาจจะคิดว่าทำไมบังเอิญจังเลย พอดีแหละกดเข้าไปดูเพื่อซื้อสินค้าดีกว่า

เชื่อหรือไม่ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้นกับเรา และทุกบัญชีในการเล่นเฟสบุ๊ค นักวิจัยทางด้านความปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์ได้กล่าวว่า เฟสบุ๊ค เองแม้จะไม่ได้มีการยอมรับออกมาตามตรง แต่ว่าพวกเค้ามีการติดตาม หรือ เข้าไปส่องช่องแชทของเรากับบุคคลอื่น เพื่อดูสถานการณ์เรื่องราวในนั้น จากนั้นก็วิเคราะห์บทสนทนาเพื่อนำไปสู่การนำเสนอโฆษณาที่เรากำลังต้องการอยู่ เพื่อเพิ่มโอกาสในการกดเข้าไปดู และซื้อสินค้า บริการมากขึ้น จึงบอกว่าเหตุการณ์ที่เล่ามาไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นสิ่งที่เฟสบุ๊คได้ทำตามเพื่อให้ลูกค้า(คนที่จ่ายโฆษณา)เข้าถึงตัวเรา(ผู้ใช้งานบัญชี)เฟสบุ๊คได้มากขึ้น

โทรด้วยเฟสก็โดนด้วย

ไม่เพียงแต่ข้อมูลตัวอักษร ข้อมูลทางการโทร ที่เราเห็นว่าฟรี เอาเข้าจริงมันก็ไม่ได้ฟรีหรอก แต่เราไม่ได้เสียเงินแต่ต้องจ่ายผลตอบแทนให้กับ เฟสบุ๊ค ด้วยวิธีอื่นแทน นักวิจัยยังกล่าวต่อไปว่า เฟสบุ๊ค ได้แกะเอาเสียงสนทนาของเราไปเป็นตัวอักษร เพื่อเข้าระบบการแปลผลจากนั้นเอาข้อมูลนี้มายิงโฆษณาใส่เราด้วยเหมือนกัน

เข้าระบบไมโครโฟนโทรศัพท์

อีกหนึ่งนวัตกรรมที่นักวิจัยอ้างถึงแต่หลายคนอาจจะนึกไม่ถึงว่า มันจะล้ำได้ขนาดนั้นก็คือ การปล่อยให้เฟสบุ๊คอนุญาติการเข้าถึงบางอย่างของสมาร์ทโฟน อย่างเช่น ไมโครโฟนในโทรศัพท์ อาจจะงงว่าเกี่ยวอะไร คำตอบก็คือ หากปล่อยให้เข้าถึงเค้าสามารถที่จะได้ยินว่าเราคุยอะไรกับเพื่อนก็ได้ แม้ว่าจะไม่ได้คุยผ่านโทรศัพท์ก็ตาม จากนั้นก็เอามายิงโฆษณาอีก เรียกได้ว่า เป็นความล้ำสมัยที่อาจจะกลายเป็นความล้ำเส้นเกินไป (หรือเปล่า)

หมดปัญหาความจำเต็ม google ช่วยท่านได้


สมัยนี้การทำงานบนโลกออนไลน์รวมถึงใช้งานด้านต่างๆ เช่น ถ่ายรูป, วีดีโอ, ฟังเพลง ฯลฯ ล้วนอยู่บนพื้นฐานของการทำงานผ่านระบบออนไลน์ทั้งสิ้น นั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่มือถือหรือคอมพิวเตอร์สมัยใหม่จำเป็นต้องมีหน่วยความจำจำนวนมากเพื่อให้ทำงานได้อย่างไม่ติดขัดใดๆ ปัญหาคือแม้จะมีขนาดของหน่วยความจำเยอะแต่ด้วยข้อมูลที่อัดแน่นไปด้วยเนื้อหาต่างๆ จึงทำให้ความจำยังคงมีโอกาสเต็มได้เสมอ ใครที่ไม่อยากเจอปัญหานี้ขอบอกว่า google ช่วยได้แล้ว แต่จะช่วยอย่างไรมาดูไปพร้อมกัน

ใครเคยมีปัญหาหน่วยความจำเต็ม google ช่วยได้แล้ว

Google ได้มีการสร้างแอปฯ หนึ่งขึ้นมาเพื่อใช้งานผ่านมือถือกับแอปฯ ที่มีชื่อว่า File Go แอปฯ นี้มีวัตถุประสงค์หลักในเรื่องของการเข้ามาแก้ไขปัญหาเอกสารที่ล้นเกินไป ไม่สามารถจัดเก็บข้อมูลใหม่ได้อีก เข้าใจที่บางคนบอกว่าข้อมูลไหนไม่จำเป็นเราก็สามารถลบมันออกไปได้ ทว่าปัญหาคือเราดันไม่รู้ว่าข้อมูลที่อยากลบนั้นจะไปกระทบกับรายละเอียดในด้านใดของข้อมูลอื่นๆ หรือเปล่า พอเครื่องมีความจุเต็มก็ไม่สามารถทำงานใดๆ ในการเก็บข้อมูลได้เลย แถมแอปฯ บางตัวยังถูกจำกัดการใช้งานอีกต่างหาก ตรงนี้เองที่ทาง google ได้พยายามคิดค้นจนในที่สุดก็ออกมาเป็น File Go อันมีหน้าที่สำคัญในการคัดกรองเอาเอกสารที่ดี ทำงานเหมือนหน่วยความจำเพิ่มเติมอีกตัวเพราะถ้าเป็นการใช้งานผ่านแอนดรอยด์จะไม่ได้มีระบบดังกล่าวมาให้ตั้งแต่แรก

จุดเด่นมากๆ ของ File Go ก็คือ จะทำการจัดการไฟล์จากผู้พัฒนาระบบปฏิบัติการ ส่งผลให้การันตีได้ว่ายังไงก็ไม่มีทางทำมั่วหรือทำไม่รู้เรื่องแน่ ขณะเดียวกันถ้าใครเคยใช้งานมาก่อนแล้วจะรู้ด้วยว่าเจ้าแอปฯ นี้แอบมีฟีเจอร์ดี ๆ อีกหลายอย่างให้ได้ทดลองกัน ใครเคยมีปัญหาว่าไฟล์บางตัวไม่ได้สำคัญอะไรเลยแต่ดันลืมไปว่าไฟล์นี้เก็บไว้ตรงไหน ควรลบจากตรงไหนหรือจัดการข้อมูลอย่างไรดี ทางแอปฯ จะเป็นตัวดำเนินการให้ทั้งหมดไม่ต้องกังวลเลยว่าจะมีข้อเสียเกิดขึ้นกับมือถือของคุณ

สมัยนี้เมื่อมีการสร้างข้อมูลต่างๆ เพิ่มมากขึ้นก็จำเป็นต้องมีที่เก็บข้อมูลเพิ่มมากขึ้นด้วยเหมือนกัน ใครที่ใช้งานระบบแอนดรอยด์แล้วกำลังเผชิญปัญหาดังกล่าวอยู่ขอให้ลองเข้ามาทดสอบระบบการใช้งานของ File Go ดู รับรองว่าจะทำให้คุณต้องสนุกไปกับการเก็บข้อมูลพร้อมดาวน์โหลดข้อมูลใหม่ๆ เข้ามายังเครื่องได้อีกเพียบแบบไม่ต้องกลัวเต็มเพราะข้อมูลไหนไม่ใช้งานจะถูกคัดกรองจัดการจนหมดสิ้น เหลือแต่ข้อมูลจำเป็นเพียงอย่างเดียว

หมดปัญหาการหลงทางกับ Google maps


Google Maps 15

Google maps เป็นหนึ่งในบริการอันทรงคุณค่าขององค์กร google ให้บริการเกี่ยวกับแผนที่ ผ่าน Web Browser ของ Google โดยคุณสามารถเปิดเว็บไซต์จากคอมพิวเตอร์ หรือ Smart Phone เครื่องใดก็ได้ เพื่อเปิดใช้บริการแผนที่ของ Google maps

ความสามารถของ Google maps ซึ่งนำไปใช้กับงานช่างและงานส่วนตัว

  • วางแผนการเดินทาง
  • ตรวจสอบระยะทางของถนน
  • ตรวจสอบความกว้างยาวของพื้นที่ต่างๆ ได้
  • ตรวจสอบเนื้อที่ต้องการได้
  • นำแผนที่ไปใช้งานได้ในเว็บไซต์ของคุณเอง
  • นำมาประยุกต์สร้างฐานข้อมูลเพื่อการใช้งานต่างๆมากมาย
  • ค้นหาสถานที่ตามต้องการ เพื่อให้ Google maps นำทางคุณไป รองรับ รถมอเตอร์ไซค์ , เดินเท้า , รถยนต์ , และรถสาธารณะ
  • ค้นหาสถานที่ที่อยู่ใกล้เคียงกับจุดคุณอยู่ เช่น ห้างสรรพสินค้า , ปั๊มน้ำมัน , ร้านกาแฟ เป็นต้น

โดย Google Maps เพิ่มประสิทธิภาพในการนำทางด้วยเทคโนโลยี AR เพียงแค่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่อง ก็หมดกังวลไม่ต้องหลงทางอีกต่อไป เพราะ Google อัพเกรด Google Maps จากการทำงานร่วมกับ AR ทำให้คุณใช้กล้องส่องไปยังถนนเพื่อแสดงลูกศรบอกทางแบบ Real-Time

ตามปกติแล้วการใช้งาน Google Maps เวลาขับรถหลายคนๆ จะไม่ค่อยเจอปัญหานำทางเสียเท่าไหร่ แต่สำหรับตอนเดิน ซึ่งหลายๆคนมักจะเจอปัญหาหลงทาง เพราะจุดในแอพบางครั้งมันไม่ได้บอกทิศทางอันถูกต้อง จนทำให้ต้องเดินหลงไปสักระยะเสียก่อน จึงจะหาทางอันถูกต้องได้ แต่นั่นก็ทำให้เสียเวลาไปมากโข แต่ต่อไปนี้คุณจะไม่ต้องเดินหมุนไปหมุนมาให้เวียนหัว หรือหลงทางเสียเวลากันอีกต่อไปแล้ว เนื่องจาก Google Maps จะมีการนำเทคโนโลยี AR มาผสมผสานรวมเข้ากับกล้องโทรศัพท์ในการนำทาง โดยทำให้ง่ายและรวดเร็วกว่าเดิมมาก

เมื่อคุณค้นหาสถานที่เจอใน Google Maps แล้ว ถ้าคุณไม่มั่นใจว่าหลงทิศทางหรือเกิดความไม่แน่ใจว่า กำลังหันหน้าไปถูกทิศทางหรือเปล่า ก็ให้ใช้กล้องส่องตรงไปได้เลย หลังจากนั้นบนหน้าจอก็จะปรากฏลูกศรนำทางขึ้นมาซ้อนทับอยู่บนภาพของสถานที่จริง หรือนั่นก็คือ AR นั่นเอง ก็ให้คุณเดินตามลูกศรนั้นไปได้เลย อีกทั้งบนหน้าจอโทรศัพท์ที่คุณกำลังใช้กล้องส่องอยู่ ก็จะมี Pop-up ของ Landmark ต่างๆขึ้นมา ให้คุณดูง่ายๆ ว่าบริเวณนั้นมีอะไรน่าสนใจบ้าง

นอกจากนี้ Google ยังใส่ลูกเล่นสนุกๆเพิ่มเข้าไปอีกด้วย เช่น มีสุนัขจิ้งจอกแสนน่ารัก โผล่ขึ้นมาให้คุณเดินตามไปในทิศทางที่คุณค้นหา ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจมีตัวละครใหม่ๆ โผล่มานำทางให้คุณอีกก็เป็นได้ คราวนี้เรื่องถนนหนทางก็ไม่ต้องกังวลว่าจะหลงอีกต่อไป และทาง Google จะเริ่มเปิด Google Maps รุ่นใหม่เพื่อใช้กับทั้งระบบ Android และ iOS ช่วงเดือนกันยายน 2018

Google มีความสำคัญอย่างไรกับยุคสมัยนี้


Google Searchpicnew1

ศตวรรษที่ 21 คือ ยุคแห่งเทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้โลกของเราเกิดการพัฒนาในหลายๆด้าน โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งนำไปสู่การปรับตัวครั้งใหญ่ เพื่อให้เกิดทักษะการแข่งขันยุคกระแสโลกาภิวัฒน์ ทุกประเทศทั่วโลกกำลังมุ่งสู่กระแสแห่งสังคมความรู้ และระบบเศรษฐกิจฐานความรู้ ซึ่งต้องให้ความสำคัญต่อการใช้ความรู้กับนวัตกรรม อันเป็นปัจจัยที่สำคัญ

คุณทราบหรือไม่ว่า Google มีความสำคัญกับโลกปัจจุบันมากเพียงใด

จากความเจริญของเทคโนโลยี จึงทำให้ข้อมูลข่าวสารได้รวมกันออกมาเป็น ‘สารสนเทศ’ ด้วยเหตุนี้Google จึงถือกำเนิดขึ้นมา พร้อมมอบความสามารถอันลื่นไหล สะดวก รวดเร็ว จนกระทั่งนำมาใช้ได้อย่างกว้างขวาง หลากหลายทาง จากระดับบุคคลขึ้นไปจนถึงระดับองค์กร สังคม ระดับประเทศรวมทั้งระหว่างประเทศ จนเกิดโลกอันไร้พรหมแดนขึ้น เพราะผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศอันยิ่งใหญ่ ก่อให้เกิดกิจกรรมใหม่ๆรวมทั้งวงการใหม่ๆขึ้นมามากมาย เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง Google ได้เข้ามามีบทบาทต่อวิถีชีวิตของมนุษย์และสังคมในรูปแบบต่าง ๆ

ความจริงแล้วประโยชน์ของ Google Search ในยุคเริ่มต้นคือเรื่องของการศึกษา โดยมนุษย์มองว่า Google คือ เครื่องมือแสวงหาความรู้ หรือถ้ามีคำถามต่างๆเกิดขึ้น Google ก็สามารถช่วยให้เกิดการสืบค้นหาความรู้อย่างไร้พรมแดน หากแต่พฤติกรรมของผู้ใช้ทุกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา Google Search จึงถูกนำมาใช้กับชีวิตในด้านต่างๆมากขึ้น เช่น ค้นหาร้านอาหารที่อยู่ใกล้ , เช็กรอบภาพยนตร์ , ตรวจหวย หรือเช็กผลบอล เป็นต้น

นอกจากนี้ในภาคธุรกิจ Google เอง ก็มีบทบาทโดดเด่น เพราะเป็นเครื่องมือฟรีอันแสนเลิศเลอ ที่ผู้ประกอบธุรกิจทั้งรายเล็กหรือรายใหญ่ ก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการตลาดได้ เช่น บริษัทขายน้ำหอมก็สามารถ เข้ามาเสิร์ชเทรนด์กลิ่นน้ำหอมที่กำลังเป็นที่สนใจของคนไทยในแต่ละช่วงเวลา เพื่อนำข้อมูลตรงนี้ไปพัฒนาสินค้าของตัวเอง ให้ตรงกับความต้องการของตลาด

Google บริษัทขนาดยักษ์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ในปัจจุบันนี้มีรายได้หลัก จากการโฆษณาออนไลน์ ซึ่งปรากฏอยู่ในSearch engine ของ Google , E-Mail , แผนที่ , เครือข่ายออนไลน์ และ VDO ออนไลน์ นอกจากนี้ยังรวมถึงการขายอุปกรณ์ช่วยในการค้นหา ครบทุกความต้องการของธุรกิจต่างๆ

จึงทำให้หลายๆคน ที่พยายามสร้างธุรกิจให้เจริญเติบโต นำข้อมูลของตน ใส่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Google เพื่อให้คนที่เข้ามาค้นหา พบกับข้อมูลของตัวเอง เช่น เว็บบริษัท , เว็บสุขภาพ , เว็บให้ความรู้ เป็นต้น ก็ล้วนแล้วแต่ใช้ Google ในการค้นหากันทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้จึงเข้ามามีอิทธิพลในการใช้ชีวิตอีกอย่างหนึ่ง Google จากเว็บไซต์ที่มุ่งเน้นเรื่องการศึกษา ก็นำมาสู่การทำธุรกิจออนไลน์ เกิดการแข่งขันอย่างดุเดือด ส่งผลให้เกิดกลยุทธ์ในการกำจัดคู่แข่งโดยการทำ SEO ในเวลาต่อมา

Google Translatepicnew33

Google translate ทำให้โลกคุณกว้างขึ้น


Google Translatepicnew33

‘Google Translate’ เพียงแค่ส่องกล้องจาก Smartphone ก็สามารถแปลภาษาได้ทันที !! Google Translate มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ การแปลข้อความจากภาพ  เพียงแค่เปิดกล้อง Smartphone พร้อมจ่อไปยังข้อความ Google Translate ก็จะแปลให้คุณแบบ Real Time โดยไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ทด้วยซ้ำไป

ฟีเจอร์ใหม่ ‘Word Lens’ เหมาะสำหรับ ‘App Google Translate’ มีทั้งในระบบ Android และ iOS เมื่อดาวน์โหลดไปแล้ว คุณสามารถแปลข้อความตามป้าย , แผ่นประกาศ , เมนู หรือข้อความในหนังสือได้ทันที แค่เปิดกล้องในโทรศัพท์มือถือแล้วจ่อไปยังข้อความนั้นๆ  โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ทแต่อย่างใด

ฟีเจอร์ใหม่นี้ คือความสามารถของ App Word Lens ซึ่งออกมานานถึง 4 ปีแล้ว จากการใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า AR โดยนำมาใส่ไว้ใน App Google Translate นั่นเอง หลังจากหลายๆคนได้ทดลองใช้งานแล้ว ต่างออกมาพูดกันเป็นเสียงเดียวว่า สะดวกสบายมากๆ  อีกทั้งยังแปลได้อย่างรวดเร็ว คราวนี้ไม่ว่าจะเดินทางยังประเทศไหน รับรองว่าภาษาจะไม่ใช่อุปสรรคอีกต่อไป

Google พัฒนาการแปลแบบ Offline ใน Google Translate ให้มีคุณภาพล้ำหน้าขึ้นด้วย AI

ด้วยระบบ Neural Machine Translation สามารถแปลประโยค ได้ทั้งประโยคเพียงแค่ครั้งเดียว โดยแบบเดิมที่มีการแปลแยกออกเป็นคำหรือวลี หลังจากนั้นจึงค่อยนำความหมายมารวมกัน สำหรับระบบนี้มีการใช้บริบทที่กว้างขวางขึ้น เพื่อให้คำแปลออกมาตรงกับความหมายที่สุด หลังจากนั้นจึงค่อยนำมาจัดเรียง พร้อมปรับให้ตรงหรือมีความใกล้เคียงกับภาษาพูดของมนุษย์มากที่สุด ด้วยไวยากรณ์อันเหมาะสม ทำให้ย่อหน้าตลอดจนบทความ ที่ได้รับการแปลให้เกิดความลื่นไหล อ่านแล้วมีความเข้าใจตรงตามภาษาทั่วไป

โดยการแปลภาษาแบบ Offline มีประโยชน์อย่างมาก สำหรับนักเดินทางทั้งหลาย โดยเฉพาะเวลาที่เดินทางไปต่างประเทศ ไม่อาจหาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ หรือไม่ต้องการใช้อินเทอร์เน็ตมือถือเพราะความไม่สะดวกในหลายประการ โดยแต่ละชุดภาษาก็มีขนาดไฟล์เล็กแค่ 35 –  45 MB เท่านั้น ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าพื้นที่จัดเก็บข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของคุณจะถูกกินไปมาก โดย Google นำ AI เข้ามาพัฒนาทำให้ Google Translate สามารถแปลภาษาแบบ Offline ได้แล้ว

การนำ Google Translate มาเปรียบเทียบระหว่าง การแปลภาษาซึ่งใช้รูปแบบ phrase-based machine translation ในปัจจุบัน โดยเป็นการแปลที่ใช้ระบบ neural machine translation แบบ Offline แบบใหม่ที่อยู่ภายในอุปกรณ์ นอกจากนี้การแปลซึ่งใช้ระบบ Neural machine translation แบบ Online

ถ้าคุณต้องการทดลองแปลภาษา ซึ่งใช้ใน Neural Machine Translation แบบ offline ให้เข้าไปใน Application Google Translate บนอุปกรณ์ Android หรือ iOS ของคุณ ถ้าคุณเคยใช้การแปลภาษาแบบ Offline มาก่อน คุณจะพบกับเรื่องที่น่าแปลกใจในเรื่องความสะดวกสบาย ล้ำหน้า และแปลออกมาได้อย่างถูกต้อง

Google_Translatelogo

Google translate เครื่องมือช่วยแปลที่ขาดไม่ได้


Google translatepic

บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Google ได้พัฒนา Google Translate ซึ่งนำมาแปลภาษาอย่างครบวงจร คือ ไม่ได้แปลแค่เฉพาะคำศัพท์ หากแต่ Google Translate ยังสามารถแปลได้ทั้งประโยคอีกด้วย ไม่ว่าจะใช้งานเพื่อแปลไฟล์เอกสาร ,แปลทั้ง Website ก็สามารถทำได้ ณ ปัจจุบันนี้ Google พัฒนาขึ้น คือ รองรับทั้งภาษาไทย ภาษายอดนิยมอย่างภาษาอังกฤษรวมทั้งภาษาอื่นๆทั่วโลก มีจุดเด่น คือ ใช้งานง่ายมาก แถมยังสามารถออกเสียงของคำที่แปลได้อีกด้วย

Google Translate คือ โปรแกรมแปลภาษา โดยตามปกติแล้วโปรแกรมส่วนใหญ่จะใช้แนวทางต่างๆมากมาย รวมทั้งต้องใช้นิยามศัพท์และไวยากรณ์จำนวนมหาศาลในการแปล แต่ทางทีมงาน Google ได้เพิ่มข้อมูลจำนวนมาก ให้กับโปรแกรมทั้งภาษาเดียวกันและภาษาปลายทาง นอกจากนี้ยังเพิ่มข้อความตัวอย่างการแปลซึ่งมาจากฝีมือมนุษย์เข้าไปอีกด้วย

โดยทีมงาน Google ได้นำเทคนิคเชิงสถิติ เขียนโปรแกรมใหม่ๆ ซึ่งมนุษย์ที่มีความรู้ได้ทำการแปลไว้ ซึ่งด้วยวิธีเหล่านี้จะได้ผลลัพธ์ดีกว่าวิธีเดิมอย่างแน่นอน สำหรับการทำงานอันเจาะลึกของ Google Translate จะใช้คอมพิวเตอร์หลายตัวเพื่อช่วยในการประมวลผล โดยจะใช้ในการแปลภาษาแบบ ‘statistical machine translation’ หรือ ‘ระบบการแปลภาษาเชิงสถิติ’ โดยเป็นวิธีดีที่สุดในขณะนี้ ที่คอมพิวเตอร์จะนำมาแปลความหมายของประโยค โดยการอ้างอิงจากรูปแบบของข้อความจำนวนมาก เพื่อให้ข้อความที่แปลออกมามีความใกล้เคียงกับภาษามนุษย์มากสุด

แต่อย่างไรก็ตามสำหรับ Google translate จัดว่าเป็นเครื่องมือแปลภาษา ซึ่งยังมิอาจถูกต้อง 100 % เนื่องจากยังมีคำบางคำหรือประโยคบางโยคยังแปลผิดอยู่บ้าง หรือบางครั้งก็เรียบเรียงผิดอยู่มิใช้น้อย หากแต่เครื่องแปลภาษาของ Google นั้น สามารถจดจำรวมทั้งเก็บข้อมูลการแปลทั่วโลกอยู่เรื่อยๆ จึงทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่า อนาคตข้างหน้า Google translate สามารถแปลทุกภาษาได้อย่างแม่นยำ

2017

ปัญหาหนึ่งของคนไปต่างประเทศ คือ เมื่อเจอป้ายต่างๆแล้วไม่รู้จะแปลยังไง แต่ Google Translate ได้คิดวิธีแก้ปัญหานี้มาให้นักเดินทางทั้งหลายแล้ว !! โดย Google translate ที่ขึ้นไปอยู่บนโทรศัพท์มือถือ สามารถสร้างความตื่นตะลึงพรึงเพริดให้กับชาวโลกด้วย Instant translate โดยความพิเศษของมัน คือ เพียงคุณนำกล้องที่ติดกับโทรศัพท์มือถือ ไปส่องตามป้าย , กระดาษ , เมนูอาหาร , กล่อง หรือข้อความอะไรก็ได้ที่มีตัวหนังสือพิมพ์อยู่ มันก็จะสามารถคำนวณพร้อมแปลคำหรือประโยคที่ปรากฏอยู่ ให้เป็นภาษาที่คุณต้องการได้เลยทันที !!  หากยังแต่ที่ช่วงแรกซึ่งทางบริษัทได้ปล่อยออกมา ยังรองรับเพียงแค่ 7 ภาษาในโลกเท่านั้น และยังไม่มีภาษาไทย ทำให้ในช่วงแรกคนไทยได้แต่ตื่นเต้นไปก่อน แต่แล้วเมื่อมาจนถึงวันนี้ Google Translate อัพเดตใหม่สามารถรองรับภาษาไทย Instant translate ได้แล้ว

Google drive ช่วยฝากไฟล์เหมาะเรียกใช้งานสะดวก


Google Drivepic

Google Drive อีกหนึ่งบริการจาก Google ที่ทำให้คุณนำไฟล์ต่างๆ ไปฝากไว้กับ Google บนพื้นที่เก็บข้อมูลระบบCloud เป็นการสำรองข้อมูลไฟล์ซึ่งค่อนข้างมีความปลอดภัยเป็นอย่างสูง จึงทำให้คุณดึงไฟล์เหล่านั้น มาใช้ได้จากทุกแห่งเพียงเชื่อมต่อผ่านอินเตอร์เน็ต ไม่เพียงแค่ฝากไฟล์ได้เท่านั้น แต่คุณยังสามารถแบ่งปันไฟล์กับคนอื่นๆที่ต้องการ และช่วยแก้ไขงานนั้นได้จากอุปกรณ์หลากหลายประเภท เช่น อุปกรณ์ Smart Phone , อุปกรณ์ Tablet หรือคอมพิวเตอร์  โดย Google ยังใจดีสุดๆเปิดให้คุณใช้บริการฟรีแบบ Unlimited แต่มีเงื่อนไข คือ สำหรับโครงการ Google for Education เท่านั้น

ข้อดีอันโดดเด่นของ Google Drive

สามารถสร้างงานเอกสารออนไลน์ได้ คือ มี Google Drive แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมีโปรแกรม Office อื่นๆอีกต่อไป เพราะคุณสามารถสร้างไฟล์เอกสารอย่าง Doc ,  นำเสนอ PowerPoint หรือแม้แต่ Excel ได้เลย อีกทั้งคุณยังสร้างให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลแบบออนไลน์ไดอีกด้วย นอกจากนี้การใส่ภาพประกอบต่าง ๆก็เหมือนกับโปรแกรมแต่งรูปพื้นฐานอื่นๆ

นอกจากนี้คุณยังเลือกดูไฟล์ได้เกือบทุกไฟล์ แค่คุณจัดเก็บไฟล์ลงใน Google Drive เวลาที่จะดูไฟล์ก็เปิด – ปิด ได้ด้วย Browser เลย ไม่จำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรมอื่นใด เพราะ Google Drive ยอมรับไฟล์อื่นๆมากกว่า 20 ประเภท เช่น ไฟล์เอกสาร , ไฟล์ภาพ , ไฟล์ Photoshop , ไฟล์ Illustrator รวมทั้ง VDO ระดับ HD ในการจัดเก็บไฟล์ทั่วๆไป  จาก Google Doc ซึ่งจัดเก็บในระดับไฟล์เอกสารทั่วไป กลายมาเป็น Google Drive แบบ Upgrade ใหม่ที่ใส่ไฟล์ต่างๆที่ไม่ใช่เอกสารได้ นอกจากนี้เวลาย้อนเวลาดูไฟล์ ถ้ามีการแก้ไขไฟล์คุณก็ยังเปิดดูประวัติการแก้ไขย้อนหลังได้อย่างยาวนานถึง 30 วัน อีกทั้งยังคืนค่ารุ่นก่อนๆ ได้อีกด้วย คุณสร้างโฟลเดอร์บนคอมพิวเตอร์ได้ทันทีนอกจากนี้ Google Drive ก็ยังมีโปรแกรมที่เอาไว้สร้างโฟลเดอร์เฉพาะ โดยมันจะ Synchronous ระหว่าง Google Drive ออนไลน์กับไฟล์บนคอมพิวเตอร์ของคุณ ทำให้เข้าถึงไฟล์ได้ทุกแห่งหน ดังใจนึก นอกจากการสร้างโฟลเดอร์ Google Drive บน PC แล้ว คุณก็ยังสามารถสร้างโฟลเดอร์บน Smart Phone และ Tablet ได้อีกด้วย โดยมันรองรับได้ทั้ง Android และ iOS หรือการผสมผสานทำงานร่วมกัน นอกจากนี้คุณยังแบ่งปันไฟล์ต่างๆ ที่อยู่บน Google Drive ให้กับเพื่อนๆที่มี Google Drive ซึ่งกันและกันได้ รวมทั้งการแบ่งปันไฟล์หรือโฟลเดอร์ให้กับผู้อื่น ก็สามารถเลือกได้ว่าใครบ้างดูได้อย่างเดียว หรือลงมือแก้ไขเองได้ด้วย อีกทั้งยังจำกัดการแสดงความคิดเห็นเฉพาะบุคคลก็ได้ เรียกได้ว่าครบเครื่องตามต้องการ มีการค้นหาไฟล์อย่างรวดเร็ว  เพราะ Google ช่วยคุณค้นหาข้อมูลต่างๆ ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วที่สุด เฉกเช่นเดียวกับการค้นหาบนเว็บไซต์ที่คุณประจักษ์ในประสิทธิภาพของมันมานานแล้ว